วันเสาร์ที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2555

Chromium For Beta-rod

8.โครเมี่ยม Chromium amino acid in Beta-rod Only
(Chromium amino acid chelate 2% 5 mg.)

                  โครเมียมทำหน้าที่อะไร
                   โครเมียม เป็นแร่ธาตุที่จำเป็นต่อร่างกายเพื่อการเจริญเติบโตที่มีสุขภาพที่ดี มันมีความจำเป็นต่อขบวนการแตกของโมเลกุลโปรตีน ไขมัน และ คาร์โบไฮเดรต รองจาก แคลเซียม แล้ว โครเมียม เป็นแร่ธาตุที่ได้รับความนิยมมากสำหรับคนอเมริกันที่รับประทานเป็นประจำ และยังเป็นที่ร่างกายต้องการ โครเมียม ในปริมาณ 20 – 200 ไมโครกรัมต่อวัน โครเมียม มีส่วนในการช่วยรักษาปริมาณน้ำตาลในร่างกายให้คงที่ (ในขบวนการย่อยสลายคาร์โบไฮเดรต) ในงานวิจัยพบว่า โครเมียม
เป็นส่วนประกอบของสารที่เรียกว่า GTF (Glucose tolerance factor) โดยทำงานร่วมกับ ไนอาซิน และ กรดอะมิโน อีกหลายชนิด นอกจากนั้น โครเมียม อาจมีบทบาทในการเพิ่ม HDL
หรือ คลอเรสเตอรอล ชนิดดี และ ลดระดับ คลอเรสเตอรอล ทั้งหมด

                    โครเมียม จะกระตุ้นการทำงานของเอ็นไซม์ที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนน้ำตาลกลูโคสให้ เป็นพลังงานและขบวนการสังเคราะห์กรดไขมัน และ คลอเรสเตอรอล จึงดูเหมือนว่า โครเมียม จะเพิ่มประสิทธิภาพของอินซูลิน
และการจัดการกับน้ำตาลกูลโคส ป้องกันการเกิดน้ำตาลในเลือดต่ำ (เพราะว่ามีอินซูลินมากเกินไป) หรือโรค เบาหวาน(เพราะว่ามีอินซูลินน้อยเกินไป)

                     จากการศึกษาพบว่า โครเมียม แบบที่เรียกว่า โครเมียมพิกโคลิเนต (Chromium Picolinate) มีบทบาทในการเปลี่ยนแปลงปริมาณของไขมันในร่างกายโดยพบว่า โครเมียมพิกโคลิเนต
อาจจะลดปริมาณไขมัน และกระตุ้นการสร้างมวลกล้ามเนื้อ โดยมีงานวิจัยที่ทดลองให้ โครเมียมพิกโคลิเนต ขนาด 400 ไมโครกรัมต่อวันกับอาสาสมัครเป็นระยะเวลา 3 เดือน พบว่ามีการลดลงของปริมาณไขมันในร่างกายและ น้ำหนักร่างกาย อย่างไรก็ตาม การศึกษาอื่นก็ไม่สามารถยืนยันผลของ โครเมียมพิกโคลิเนต ต่อการเปลี่ยนแปลงนี้ได้

                     การทดลอง : โครเมี่ยมในการใช้ลดน้ำหนักมีหลายการศึกษาที่ยืนยันว่าได้ผลถ้าใช้ร่วมกับการออกกำลังกายหรือการควบคุมอาหาร แต่การใช้เดี่ยวๆ ผลยังไม่แน่นอน
จากการศึกษา (ข้อมูลจากบทคัดย่อ) เกี่ยวกับผลของ โครเมี่ยม ในผู้ที่ต้องการลดน้ำหนัก 122 คน
โดยแบ่งเป็น 2 กลุ่ม

                     กลุ่มหนึ่งให้ได้รับ chromium picolinate 200 ไมโครกรัมต่อวัน
                   
                     กลุ่มได้รับยาหลอก โดยทั้ง 2 กลุ่ม ต้องทำการควบคุมปริมาณอาหารร่วมด้วย
ศึกษาเป็นเวลา 3 เดือนพบว่า น้ำหนักและไขมันลดลงอย่างชัดเจน กลุ่มที่ได้ chromium picolinate
ลดลงเฉลี่ย 7 kg อีกกลุ่มลดลงเฉลี่ย 2 kg (Kaats,1998)
จะเห็นว่าส่วนหนึ่งที่ทำให้ผลการลดน้ำหนักชัดเจนขนาดนี้เนื่องมาจากการที่มีการควบคุมอาหารร่วมด้วย อีกการศึกษาที่เกี่ยวข้องคือ

                     การศึกษาเปรียบการใช้ chromium picolinate 400 ไมโครกรัมต่อวันร่วมกับการออกกำลังกายและไม่ออกกำลังกายโดยศึกษาในหญิงวัยรุ่นที่มีภาวะอ้วนผลพบว่าการออกกำลังกายร่วมด้วยจะทำให้น้ำหนักลดลงได้ (กลุ่มที่ไม่ออกกำลังกายพบว่าเฉลี่ยน้ำหนักเพิ่ม) (Grant,2005) โครเมี่ยมเป็นแร่ธาตุที่จัดได้ว่าไม่มีพิษเมื่อได้รับในขนาดไม่เกิน 1,000 ไมโครกรัม

(พิสิฐ วงศ์วัฒนะ,2547) การศึกษาในคนปัจจุบันข้อมูลมีน้อย มีการศึกษาในสัตว์ทดลองรายการหนึ่งพบว่า chromium picolinate อาจทำลายโครโมโซมได้ในการทดลองได้ทำการฉีดสารละลาย
chromium picolinate 150 ไมโครกรัม เข้าในเส้นเลือดดำบริเวณหางของหนูทุกวันเป็นเวลา 60 วัน
จากผลการทดลองพบโอกาสเกิดพิษค่อนข้างสูงแต่เพื่อให้ผลสรุปที่ชัดเจนต้องทำการศึกษา
และรวบรวมข้อมูลให้มากกว่านี้ (Dion,2003) แต่การใช้ในคนขนาดปกติที่มีการใช้กันในปัจจุบัน
ยังไม่พบ อาการข้างเคียง




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น