วันเสาร์ที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2555

Capsicum For Beta-rod

7.สารสกัดจากพริกแดง Capsicum in Beta-rod Only
(Capsicum extract 20 mg.)

                    แคปซิคั่ม (Capsicum) หรือ พริกแดง เป็นพืชในตระกูล Solanaceae
มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Capsicum frutescens L.
มีชื่อภาษาอังกฤษว่า Chilli peppers, chili, chile หรือ chilli
มาจากคำในภาษาสเปน เรียกว่า chile โดยส่วนมากแล้ว
ชื่อเหล่านี้มักหมายถึง พริกที่มีขนาดเล็ก ส่วนพริกขนาดใหญ่ที่มีรสอ่อนกว่าจะเรียกว่า Bell Pepper
ในสหรัฐอเมริกา Pepper ในประเทศอังกฤษและไอร์แลนด์, capsicum ในประเทศอินเดียกับออสเตรเลีย และ Paprika ในประเทศทวีปยุโรปหลายประเทศ พริกชนิดต่างๆ
มีต้นกำเนิดมาจากทวีปอเมริกาซึ่งในปัจจุบันนี้ได้มีปลูกกันในหลายประเทศทั่วโลก
เพราะพริกเป็นเครื่องเทศที่สำคัญชื่อหนึ่ง และยังมีคุณสมบัติเป็นยาสมุนไพรด้วยเช่นกัน
พริกได้รับการนำมาใช้ประโยชน์ในด้านต่างๆ เป็นเวลายาวนานหลายพันปีแล้วมีข้อโต้แย้งกันมากเกี่ยวกับปริมาณการกินพริกมากๆอาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพ
เช่น โรคกระเพาะหรือโรคระบบทางเดินอาหาร คำตอบที่ได้คือ การกินพริกไม่ทำให้เกิดผลเสียใดๆ
ต่อสุขภาพ จาการศึกษาเรื่องพริกทั้งอดีตและปัจจุบันพบว่า พริกมีประโยชน์ต่อสุขภาพดังนี้

                        1.บรรเทาอาการไข้หวัดและการหายใจให้สะดวกสบายยิ่งขึ้น
                            สารแคปไซซิน (Capsaicin) ที่อยู่ในพริกช่วยลดน้ำมูก
                            หรือสิ่งกีดขวางระการหายใจอันเนื่องจากเป็นไข้หวัด
                            ไซนัสหรือโรคภูมิแพ้ต่างๆช่วยบรรเทาอาการไอ

                        2.ลดการอุดตันของหลอดเลือด

                   การอุดตันของหลอดเลือดเป็นสาเหตุสำคัญของโรคหัวใจล้มเหลว หรือ
การเสียชีวิตจากหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงสมองอุดตัน การกินพริกเป็นประจำจะช่วยลดอัตราเสี่ยงจากโรคทั้ง 2 ชนิด
                  1.ช่วยให้การไหลเวียนของเลือดดี  ลดความดัน ทั้งนี้เพราะสารจำพวกเบต้าแคโรทีนและวิตามินซีช่วยเสริมสร้างผนังหลอกเลือดให้แข็งแรง
                  2.เพิ่มการยืดตัวของผนังหลอดเลือด ทำให้ปรับเข้ากับแรงดันระดับต่างๆได้ยิ่งดีขึ้น

                       3. ลดปริมาณสารโคเลสเตอรอล แคปไซซิน (Capsaicin) ช่วยป้องกันไม่ให้ตับสร้างโคเลสเตอรอลชนิดไม่ดี (DLD –high density lipoprotein)
ในขณะเดียวกันก็ส่งเสริมให้มีการสร้างโคเลสเตอรอลชนิดดี (HDL- high density lipoprotein ) ขึ้นทำให้ปริมาณของไตรกรีเซอไรด์ในกระแสเลือดต่ำ
ซึ่งมีผลดีต่อสุขภาพ จากประโยชน์ดังกล่าว เราจึงนำมาเป็นส่วนผสมใน Beta-rod ให้ลงตัวที่สุด

                      4.ลดความเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็ง พริกเป็นพืชที่มีวิตามินซีสูง การกินอาหารที่มีวิตามินซีมากๆ จะช่วยป้องกันการเกิดโรคมะเร็งได้ วิตามินซียั้บยั้งการสร้างสารไนโตรซามีนซึ่งมีสารก่อมะเร็ง ในระบบทางเดินอาหารวิตามินซีช่วยเสริมสร้างคอลลาเจนที่เป็นส่วนประกอบของกระดูกอ่อน รวมทั้งส่วนประกอบของผิวหนัง  กล้ามเนื้อและปอด คอลลาเจนเป็นโปรตีนที่สามารถหยุดการแพร่กระจายของเซลล์ร้ายต่างๆได้

                        นอกจากนี้ วิตามินซียังเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ(antioxidant ) ทำการหยุดยั้งบทบาทของอนุมูลอิสระ ( free radicals ) ที่ก่อให่เกิดการกลายพันธ์ของเซลล์  สารบีต้าแคโรทีนในพริกช่วยลดอัตราเสี่ยงของ โรคมะเร็งในปอดและในช่องปาก เพราะคนที่กินผักที่มีสารบีต้าแคโรทีนน้อยจะมีความเสี่ยงต่อ การเกิดโรคมะเร็งมากกว่า คนที่กินผักที่มีบีต้าแคโรทีนสูงถึง 7 เท่า สารบีต้าแคโรทีนมีคุณสมบัติช่วยลดอัตราการกลายพันธ์ของเซลล์และทำลายเซลล์มะเร็ง

                      5.บรรเทาอาการเจ็บป่วย มนุษย์ใช้พริกเพื่อบรรเทาอาการเจ็บปวดมานานแล้ว เช่น
ลดอาการปวดฟัน บรรเทาอาการเจ็บคอ และ การอักเสบของผิวหนัง
ปัจจุบันมีการใช้สารแคปไซซิน(Capsaicin) เป็นส่วนประกอบของขี้ผึ้งใช้บรรเทาอาการปวดอันเนื่องจากผดผื่นคัน และอาการผื่นแดงบนผิวหนัง รวมทั้งอาการปวดที่เกิดจากเส้นเอ็น อาการปวดประสาทหลังเป็นงูสวัด โรคเกาต์ หรือโรคข้อต่ออักเสบ

                      6.อารมณ์แจ่มใส สารแคปไซซิน(Capsaicin)ช่วยเสริมสร้างอารมณ์สดชื่น เนื่องจากสารนี้มีการส่งสัญญาณให้ต่อมใต้สมองสร้างสารเอนดอร์ฟิน (endorphin )ออกฤทธิ์คล้ายมอร์ฟิน คือบรรเทาอาการปวด ทำให้อารมณ์แจ่มใส

                      7.ใช้ป้องกันตัว 20 ปี ที่แล้ว มีสเปรย์ป้องกันตัวยี่ห้อหนึ่ง
มีพริกเป็นส่วนประกอบสำคัญสเปรย์ที่กล่าวถึงนี้ไม่ทำอันตรายถึงชีวิต
แต่ถ้าฉีดเข้าตาโดยตรงอาจทำให้มองไม่เห็นประมาณ 2-3 นาที ระยะเวลาที่ยาวนาน
ไม่ได้ทำให้ความเผ็ดของพริกจางหายไปในขณะเดียวกันมีของการค้นพบ
สรรพคุณทางการแพทย์ของพริกที่สามารถนำมาปรุงเป็นตำรับยารักษาโรคต่าง ๆ
ที่เกิดกับร่างกายของเรา


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น